ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Privacy Policy
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้บริการ The Origin Clinic

บริษัท ดิ ออริจิ้น เอ็กซ์ จำกัด ( “บริษัทฯ” หรือ “เรา” ) ยึดมั่นและตระหนักอย่างลึกซึ้ง ถึงความสำคัญของสิทธิ ความเป็นส่วนตัว รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ใช้บริการ ( “ลูกค้า” หรือ “ท่าน” ) บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการฉบับนี้ ( “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล“ ) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์อันเป็นรูปธรรม ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้มาใช้บริการของเรา
โดยบริษัทฯ จะปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลและจะเคารพในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การโอนย้าย ข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล อันมีอยู่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกประการ เพื่อให้ท่านรู้สึกสบายใจ เชื่อมั่น และไว้วางใจ เพื่อประโยชน์แห่งการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ภายใต้สัญญา ข้อตกลง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยยึดถือแนวทางการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นหลัก
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งระบุถึงตัวลูกค้าหรือทำให้สามารถระบุตัวลูกค้าได้ ตามที่ระบุไว้ ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อบริษัทเพื่อที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูล ของลูกค้าด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น เก็บรวบรวมจากลูกค้าโดยตรง หรือจากแหล่งอื่น ๆ โดยอ้อม (เช่น สื่อสังคม แพลตฟอร์ม- ออนไลน์ของบุคคลภายนอก หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น ๆ) และผ่านบริษัทในเครือ ผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานราชการทางการ หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ซึ่งประเภทของข้อมูลที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมนี้จะขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ของลูกค้ากับบริษัท และบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการจากบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าซึ่งบริษัทจะเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลประเภทดังต่อไปนี้
  • ข้อมูลส่วนตัว : ชื่อ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก อาชีพ รายได้ สถานที่ทำงาน สัญชาติ วันเกิด ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยราชการ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เป็นต้น) ลายมือชื่อ การบันทึกเสียง การบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ รูปถ่าย เป็นต้น
  • ข้อมูลเพื่อการติดต่อ : ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ (เช่น ID Line เป็นต้น) ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติหรือบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
  • ข้อมูลการเข้ารับบริการ : ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลการเสนอแนะ (Feedback) ที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัทฯ
  • ข้อมูลบัญชีและข้อมูลทางการเงิน : ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต หมายเลขบัญชีและประเภทของบัญชี ข้อมูลพร้อมเพย์ ข้อมูลการชำระเงินประเภทอื่นๆ เป็นต้น
  • ข้อมูลการทำธุรกรรม : ข้อมูลการสมัครใช้บริการและผลิตภัณฑ์ ประวัติการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องของลูกค้า เช่น ประวัติการใช้บริการ ยอดคงเหลือ ประวัติการชำระเงิน เป็นต้น
  • ข้อมูลทางเทคนิค : เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (IP address) เว็บบีคอน (web beacon) ล็อก (Log) ไอดีอุปกรณ์ (Device ID) รุ่นอุปกรณ์และประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลการเข้าถึง ข้อมูลการเข้าใช้งานแบบ single sign-on (SSO) การเข้าสู่ระบบ (Login log) เวลาที่เข้าถึง ระยะเวลาที่ใช้บนหน้าเพจหรือเวปไซต์ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ประวัติการค้นหา ข้อมูลการเรียกดู ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone setting) และสถานที่ตั้ง ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ลูกค้าใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มการให้บริการของบริษัทฯ
  • ข้อมูลอื่น ๆ : การบันทึกภาพและวิดีโอจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลประจำตัวอื่น ๆ เป็นต้น
“ข้อมูลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างมาก ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลอ่อนไหวไปยังบุคคลภายนอก หรือโอนไปยัง ผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้า หรือต่อเมื่อกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้
ข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้าซึ่งบริษัทจะเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับ ในต่างประเทศ ได้แก่
  • ข้อมูลสุขภาพ : ข้อมูลการรักษาพยาบาล ประวัติการเข้ารับบริการ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยา การตอบสนองต่อการรักษา โรคประจำตัว เป็นต้น
  • ข้อมูลการเข้ารับบริการ : ข้อมูลการตอบสนองต่อผลการรักษา เป็นต้น
  • ข้อมูลการเข้ารับบริการ : ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลการเสนอแนะ (Feedback) ที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัทฯ
  • ข้อมูลชีวภาพ ชีวมิติ : ใบหน้า ภาพถ่ายประกอบการรักษา ภาพถ่ายก่อนและหลังการรักษา เป็นต้น
  • ข้อมูลอ่อนไหวอื่น ๆ ซึ่งแสดงอยู่ในเอกสารประจำตัว : เชื้อชาติและศาสนา เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ในการให้บริการแก่ลูกค้านั้น บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลอ่อนไหวไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ การให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า การติดต่อสื่อสาร การก่อตั้งหรือปฏิบัติตามสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการติดต่อ กับหน่วยงานภายนอก เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของบริษัทฯ ในฐานะผู้ให้บริการ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เป็นไป ตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อประโยชน์โดยชอบของบริษัทและ/หรือของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลฉบับนี้โดยเคร่งครัด
บริษัทจะร้องขอข้อมูลของลูกค้าเพียงเท่าที่จำเป็นและกฎหมายอนุญาตเท่านั้น ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถทำการ เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ตามที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ไม่ว่าด้วยเหตุใด บริษัทอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา ที่ทำกับลูกค้าได้ และในบางกรณีบริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อีกต่อไป
ในกรณีที่ลูกค้าได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่บริษัท (เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของคู่สมรส บุคคลภายนอกที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และ/หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง) ลูกค้าขอรับรองว่าลูกค้ามีอำนาจที่จะให้ข้อมูล ส่วนบุคคลดังกล่าว และอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ อีกทั้งลูกค้าจะรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลภายนอกเหล่านั้นทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือ ขอรับความยินยอมจากบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง หากจำเป็น
บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้าให้แก่บุคคล ภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
2.1 วัตถุประสงค์ที่บริษัทสามารถดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้โดยอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทาง กฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก หรือโอนให้แก่ผู้รับทั้งในและต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขอรับความยินยอมจากลูกค้า
ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
1. เพื่อการปฏิบัติตามสัญญากับลูกค้า หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนการเข้าทำสัญญา
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาให้บริการซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญา เช่น การเข้าใช้บริการ การเข้ารับการรักษา เป็นต้น
2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่นการให้บริการทางการแพทย์ การบริหารจัดการบริการเพื่อลูกค้า การจัดการหรือการสอบสวนเรื่องร้องเรียน เป็นต้น
3. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก โดยความจำเป็นดังกล่าว จะต้องสมดุลกับประโยชน์และสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริษัทฯ เป็นต้น
4. เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  • ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิตในการให้บริการกับท่าน เช่น แพทย์ขอใช้ประวัติการรักษาของเจ้าของข้อมูลจากโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้ป่วย การขอเก็บข้อมูลการติดเชื้อของท่านเพื่อ คัดกรอง เฝ้าระวังป้องกันโรคระบาด เป็นต้น
5. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
6. เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และ ทรัพย์สินของบริษัท
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัท หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัท สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น
  • ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
7. เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบ
  • บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้นหรือเมื่อบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายในข้อ 1. ถึง ข้อ 7. ข้างต้น เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ เท่านั้น
  1. การติดต่อกับลูกค้าเพื่อการเข้าใช้บริการและ/หรือเข้าทำนิติกรรมกับบริษัท
  2. การให้บริการทางการแพทย์และบริการอื่นที่เกี่ยวข้องตามสัญญาหรือข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า เช่น
    • จัดหาบริการหรือส่งมอบบริการ และการเข้าถึงบริการของลูกค้า ไม่ว่าช่องทางใด
    • นัดหมายแพทย์ และการแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์
    • การเสนอความช่วยเหลือจากบริษัท และแนะนำรายละเอียดการให้บริการของบริษัท
    • การประสานงานและส่งต่อข้อมูลให้กับสถานพยาบาลอื่นซึ่งมีความจำเป็นต้องรับลูกค้าเพื่อเข้ารักษาต่อ
    • การยืนยันตัวตนของลูกค้าเพื่อเข้ารับการบริการจากบริษัทฯ
    • วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่น การตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงิน และการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
    • การรักษาความปลอดภัยขณะใช้บริการหรือพักรักษาหลังการเข้ารับบริการ
    • ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใด ๆ จากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติ ตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่น ๆ ที่ถูกต้องและสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
    • วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
  3. การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริษัทฯ และการบริหารจัดการบัญชีที่ลูกค้ามีอยู่กับบริษัทฯ
  4. การดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้า หรือการตอบข้อซักถามหรือความคิดเห็นของลูกค้า และการแก้ไขเรื่องร้องเรียนของลูกค้า
  5. การยืนยันตัวบุคคล การตรวจสอบและคัดกรองอื่น ๆ และการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่องที่อาจจำเป็นตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
  6. การปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ แนวทาง คำสั่ง คำแนะนำ และการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาษีอากร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่น ๆ (ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ)
  7. การจัดการโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท การควบคุมภายใน การตรวจสอบ การดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนของบริษัทที่อาจจำเป็นโดยกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความเสี่ยง การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบ การเงินและการบัญชี ระบบต่าง ๆ และความต่อเนื่องทางธุรกิจ
  8. การจัดการหรือการสอบสวนเรื่องร้องเรียน ข้อเรียกร้อง หรือข้อพิพาทใด ๆ
  9. การบังคับสิทธิตามกฎหมายหรือตามสัญญาของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดตามทวงถามจำนวนเงินใด ๆ ทั้งหมดที่ติดค้างต่อบริษัท
  10. การตรวจสอบทางบัญชีการเงินที่จะดำเนินการโดยผู้สอบบัญชีหรือการรับบริการด้านกฎหมายจากที่ปรึกษากฎหมาย
2.2 วัตถุประสงค์ที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากลูกค้า
  1. การติดต่อสื่อสารทางการตลาด การเสนอข้อเสนอพิเศษ การจัดทำสิทธิพิเศษ และโปรโมชั่น การส่งเสริมการขายที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทในเครือและบริษัทย่อยของบริษัท และบุคคลภายนอกซึ่งบริษัทไม่สามารถ อาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่น
  2. การพัฒนาบริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และการให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแก่ลูกค้า เกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นครั้งคราว
  3. การทำวิจัย การวางแผนและการวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ลูกค้ามีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของลูกค้า ณ เวลาใดก็ได้ โดยลูกค้าสามารถติดต่อ ฝ่ายดูแลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล E-mail : datacontrol@theorigin.co.th เพื่อถอนความยินยอม
ทั้งนี้การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้าตามความยินยอมของลูกค้าก่อนที่จะขอถอนความยินยอมหรือ การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการโอนข้อมูลที่ละเอียดไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ที่บริษัทมีสิทธิดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
2.3 วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลอ่อนไหว
บริษัทจะขอความยินยอมอย่างชัดแจ้ง ในกรณีที่เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลที่อ่อนไหวของลูกค้าไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยัง ผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
  1. เพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าตามสัญญา หรือข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า
  2. เพื่อการสมัครใช้บริการ การยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล
  3. เพื่อการอำนวยความสะดวกในการเข้าใช้บริการของลูกค้า
3. บุคคลภายนอกที่บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
บริษัทอาจเปิดเผยและ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก (รวมถึงบุคลากรและตัวแทนของบุคคลภายนอก) ภายในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยดังต่อไปนี้ ซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยลูกค้าสามารถอ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอก เหล่านั้นเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บุคคลภายนอกดังกล่าวประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้
  • กลุ่มบริษัท
    ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอาจถูกเข้าถึงหรือเปิดเผยให้แก่นิติบุคคลอื่น ๆ ภายในกลุ่มบริษัท ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลดังกล่าว เพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัท การบริหารความเสี่ยงหรือการตรวจสอบภายในของกลุ่มบริษัท
  • ผู้ให้บริการของบริษัท
    บริษัทอาจใช้บริการของบุคคล นิติบุคคล ตัวแทน หรือผู้รับจ้างเพื่อการให้บริการต่าง ๆ ในนามของบริษัท หรือเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนในการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ลูกค้า บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากับผู้ให้บริการเหล่านี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (ก) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (ข) ตัวแทนการวิจัย (ค) ผู้ให้บริการการวิเคราะห์ และ/หรือห้องปฏิบัติการ (ง) ตัวแทนการสำรวจ (จ) ตัวแทนด้านการตลาด สื่อโฆษณาและการติดต่อสื่อสาร (ฉ) ผู้ให้บริการชำระเงิน และ (ช) ผู้ให้บริการด้านธุรการและการดำเนินงานในการให้บริการต่าง ๆ ข้างต้น ผู้ให้บริการอาจมีความจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ให้บริการของบริษัทเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการให้บริการโดยผู้ให้บริการดังกล่าวเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าผู้ให้บริการทุกรายที่บริษัททำงานด้วยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อการให้บริการแก่บริษัทเท่านั้น
  • พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
    บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทซึ่งมีส่วนในการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า หรือเกี่ยวข้องในการจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใดที่ลูกค้าได้รับจากบริษัท เช่น พันธมิตรธุรกิจร่วม (co-brand partners) คู่สัญญา(market counterparties) ผู้ออกผลิตภัณฑ์ร่วม โดยบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าพันธมิตรทางธุรกิจทุกรายที่บริษัททำงานด้วยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าเท่านั้น
  • บุคคลภายนอกตามที่กฎหมายอนุญาต
    ในบางกรณี บริษัทอาจจะจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากับบุคคลภายนอก เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายหรือกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึง การปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานรัฐ หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
  • ที่ปรึกษาวิชาชีพ
    บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่ที่ปรึกษาวิชาชีพของบริษัทที่เกี่ยวกับบริการด้านการตรวจสอบ กฎหมาย การบัญชี และภาษีอากร ซึ่งช่วยในการประกอบธุรกิจหรือจัดการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางกฎหมาย
  • บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการโอนธุรกิจ
    บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ผู้รับโอนสิทธิ บุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนสิทธิ ผู้รับโอนหรือบุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนของบริษัท ในกรณีที่มีการฟื้นฟูกิจการ การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การขาย การซื้อ กิจการร่วมค้า การโอน การเลิกกิจการ หรือเหตุการณ์ใดในทำนองเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับการโอนหรือการจำหน่ายจ่ายโอนธุรกิจ สินทรัพย์ หรือหุ้นทั้งหมดหรือส่วนใด ๆ ของบริษัท ถ้ามีเหตุการณ์ใด ๆ ดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้น ผู้รับข้อมูลจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
4. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม
เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลภายนอก หากลูกค้าได้เข้าถึงเว็บไซต์ตามลิงก์ดังกล่าวนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก ดังนั้น การที่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า จึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ซึ่งบริษัทจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและความรับผิดใด ๆ จากการกระทำของบุคคลภายนอกดังกล่าว
5. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมาตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และเพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายและกฎข้อบังคับต่างๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านานขึ้นหากจำเป็นตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากลูกค้าไม่แสดงความยินยอมให้บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป บริษัทฯ จะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามขั้นตอนการทำลายข้อมูลของบริษัทโดยจะดำเนินการให้เสร็จโดยไม่ชักช้า
6. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ
โดยทั่วไป การให้บริการทางการแพทย์ของบริษัท (รวมถึงกระบวนการสรรหาบุคลากรเพื่อการให้บริการ) ไม่ได้มีเป้าหมายที่ผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ และบริษัทไม่ประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ หากผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ ประสงค์จะเข้ารับบริการทางการแพทย์จากบริษัท บุคคลดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของบุคคลดังกล่าวก่อนที่จะติดต่อกับบริษัทหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท เว้นแต่บริษัทจะสามารถอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่เป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
7. ข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
7.1 คุกกี้และวิธีการใช้คุกกี้
หากลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลบางประการโดยอัตโนมัติจากลูกค้าโดยการใช้คุกกี้ ซึ่งคุกกี้คือเทคโนโลยีการติดตามประเภทหนึ่งซึ่งนำมาใช้ในการวิเคราะห์กระแสความนิยม (trend) การบริหารจัดการเว็บไซต์ ติดตามการเคลื่อนไหวการใช้เว็บไซต์ของบริษัท หรือเพื่อจดจำการตั้งค่าของผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะให้ลูกค้าควบคุมได้ว่าจะยอมรับคุกกี้หรือไม่ หากลูกค้าปฏิเสธการติดตามโดยคุกกี้ ความสามารถของลูกค้าในการใช้งานเว็บไซต์อาจถูกจำกัดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
7.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
หากลูกค้าให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามใด ๆ (เช่น ผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน การส่งต่อในกรณีการรักษาเร่งด่วน) ลูกค้าต้องดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้ามีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และมีอำนาจอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ อีกทั้งลูกค้าต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลที่สามเหล่านั้นทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และขอรับความยินยอมจากบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง (หากจำเป็น) เว้นแต่ลูกค้าจะสามารถอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามดังกล่าวได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
8. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายและข้อยกเว้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องลูกค้าอาจมีสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้าตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
8.1 สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ
ท่านมีสิทธิทราบก่อน หรือในขณะเก็บข้อมูลรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลถึงรายละเอียดวัตถุประสงค์ ของการเก็บข้อมูลตามกฎหมาย หรือสัญญาของการเก็บข้อมูล ระยะเวลาการเก็บข้อมูล หน่วยงานของบริษัทฯ ที่เก็บข้อมูล และการติดต่อหน่วยงานของบริษัทฯที่เก็บข้อมูล
8.2 สิทธิการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอมไว้แต่แรกได้ บริษัทฯ ยินดีจะดำเนินการตามคำขอของท่าน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอ เว้นแต่การเปิดเผยซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งศาล
8.3 สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนไปยังบริษัทผู้ควบคุมข้อมูลอื่นได้ตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด
8.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ หากบริษัทฯ ไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือกระทำการใดอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เว้นแต่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เป็นไปตามเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ในกรณีที่ท่านพบว่าข้อมูลส่วนตัวของตนหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ หรือในกรณีที่ท่านถอนความยินยอม หรือในกรณีที่ท่านคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของตนหรือมีการไม่ปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดำเนินการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ต้องการลบ ทำลาย หรือเป็นไปตามเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ท่านมีสิทธิให้ระงับการใช้ข้อมูลนั้นแทนได้
8.7 สิทธิการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของท่าน
8.8 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม และการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล
เพื่อให้ท่านได้รับความพึงพอใจและความไว้วางใจอย่างสูงสุดกับการติดต่อบริษัทฯ ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมและการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลตามที่กล่าวไว้เบื้องต้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อผูกมัดหรือเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ท่านสามารถเพิกถอนความยินยอม หรือใช้สิทธิของท่านโดยติดต่อผู้รับผิดชอบและผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตามที่กฎหมายกำหนดได้
9. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
บริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว บริษัทขอให้ลูกค้าอ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อย่างละเอียดรอบคอบ และตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามข้อกำหนดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ที่ https://theoriginclinic.com/privacy เป็นระยะ ๆ โดยบริษัทจะแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบหรือขอความยินยอมจากลูกค้าอีกครั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในนโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
10. รายละเอียดการติดต่อบริษัท
หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือหากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โปรดติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ที่
ผู้ควบคุมข้อมูล
ชื่อ : บริษัท ดิ ออริจิ้น เอ็กซ์ จำกัด
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230 ประเทศไทย
ช่องทางการติดต่อ : datacontrol@theorigin.co.th
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 111 ถนน ประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230 ประเทศไทย
ช่องทางการติดต่อ : datacontrol@theorigin.co.th
ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน 2565